น้ำส้มควันไม้ กับเตาเผาถ่าน เกี่ยวข้องกันอย่างไร มาหาคำตอบกัน เพราะในปัจจุบัน ใครที่ทำเกษตรอินทรีย์ สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อไปเยี่ยมเยียนในสวน หรือพื้นที่เกษตร นั่นคือ เตาเผาถ่าน
สิ่งสำคัญไม่ใช่เพื่อ เอาถ่าน มาใช้อย่างเดียว แต่เป็นการใช้ประโยชน์จากการเผาถ่านให้ได้ ประโยชน์สูงสุด แม้การคิดค้นกรรมวิธี และวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นเชื้อเพลง แทนถ่านไม้ ถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ รัฐเองยังรณรงค์ให้ใช้ เตาอั้งโล่มหาเศรษฐี เตาอั้งโล่ประหยัดพลังงาน ฯลฯ ต่างสรรหามาให้ ประชาชน ถอยหลังลงคู ไม่ต้องไปรอดูอนาคตกันแล้ว
แค่เอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ยังเต็มกลืน แต่การเผาถ่าน ก็ถือเป็นอาชีพที่ทำรายได้สูงสำหรับบางครอบครัว ในยุคนี้ ทั้งสร้างรายได้จากถ่านไม้ เกษตรกรที่จำหน่ายพืชเชื้อเพลิง ก็ร่ำรวยตามไปด้วย ซึ่งการเผาถ่านนั้น โดยปกติจะมีควันที่เกิดจากการเผา ส่วนใหญ่จะทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
ปราชณ์ชาวบ้านหลายท่าน จึงได้คิด วิธีการที่จะนำเอา ควันเหล่านี้มาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง โดยการทำให้เย็นลงจนควบแน่น แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ จะได้สิ่งที่เรียกว่าของเหลวสีคล้ำเหนียวนี้ว่า น้ำส้มควันไม้ มีกลิ่นไหม้ของกำมะถันอยู่มาก ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก ซึ่งมีความเป็นกรดต่ำ มีสีน้ำตาลแกมแดง
น้ำส้มควันไม้ที่ได้นี้ หากทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกประมาณ 3 เดือนในที่ร่ม ลดการสั่นสะเทือนของภาชนะบรรจุเพื่อให้มีการตกตะกอนและแยกตัวเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกจะได้ น้ำมันเบา ที่ลอยอยู่ผิวน้ำ ชั้นที่สองเป็นน้ำส้มไม้ และถัดมาเป็นน้ำมันทาร์ ตกตะกอนอยู่ด้านล่างสุด สามารถสกัดคัดแยกส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ต่อไป สร้างรายได้แก่ครัวเรือนให้มานักต่อนัก
อุปกรณ์ในการผลิตน้ำส้มควันไม้
น้ำส้มควันไม้ ผลิตง่ายไม่เสียงบประมาณมาก เกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้ในครัวเรือนโดยไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์การผลิตน้ำส้มควันไม้ราคาแพงๆ ก่อนอื่นต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อน
- ถังประมาณ 200 ลิตร ถังแกลลอนน้ำมัน หากเตาใหญ่สามารถเพิ่มได้
- ท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 1 เมตร (ความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลางอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม) ทนความร้อนได้ ใช้สำหรับทำปล่องควัน
- แกลบดิบประมาณ 2-3 กระสอบปุ๋ย
- ไม้ หรือเชื้อเพลิงที่จะเผาทำเป็นถ่าน ควรเป็นไม้ที่ไม่ใหญ่มาก และเป็นไม้ที่มีน้ำในเนื้อไม้ไม่มากเกินไป เป็นไม้ที่ตัดทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือมากกว่า เนื่องจากไม้ที่ตัดสดใหม่จะใช้เวลานานในการเผาและมีน้ำมาก เลื่อยเป็นท่อนเพื่อสะดวกในการนำใส่ภาชนะเผา
- ตะไคร้หอม 5-10 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มความหอม
- ขวดน้ำพลาสติก 2 ขวด
- ถังพลาสติกสำหรับเก็บเอาน้ำส้มควันไม้
วิธีทำเตาเผาถ่าน และการกลั่นควันเพื่อให้ได้ น้ำส้มควันไม้ แบบง่าย
- ดัดแปลงถังน้ำมันเก่า 200 ลิตรโดยต่อท่อออกมาด้านนอกความสูงระดับ 90% ของตัวถังเป็นรูปตัว T ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว โดยด้านบนจะเป็นปล่องควันและด้านล่างเป็นบริเวณที่ให้น้ำส้มควันไม้หยดออกมา ส่วนฝาปิดถังก็ต่อท่อออกมาเช่นกันความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร จากนั้นเจาะรูด้วยสว่านข้างถังทั้ง 3 ด้านเส้นผ่าศูนย์กลาง ¾ นิ้ว (3หุน) สูงจากพื้นด้านล่างประมาณ 20 เซนติเมตรเพื่อระบายอากาศ
- ถังขนาด 200 ลิตรจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 56 ซม. สูง 89 ซม. จะแบ่งใส่วัตถุดิบออกเป็นชั้นๆ คือ
– ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 3 ใส่แกลบดิบความสูงประมาณ 25 เซนติเมตร หรือไม้ที่เป็นเชื่อเพลงอื่น
– ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 4 ใส่ตะไคร้หอมความสูงประมาณ 5 เซนติเมตร
– ชั้นที่ 5 เป็นชั้นสุดท้ายให้เทแกลบดิบใส่ลงไปในถังให้เต็ม - จุดไฟเผาวัสดุที่เป็นส่วนผสมทั้งหมดและปิดฝาถังโดยปล่อยให้ควันลอยออกมาทางปล่องควันที่ต่อออกมา ประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตลักษณะของควันที่เผาไหม้ว่าอยู่ในระดับที่จะสามารถกลั่นออกมาเป็นน้ำส้มควันไม้ได้หรือไม่ โดยสังเกตจากช่วงที่ควันมีสีขาวขุ่นออกเหลือง อุณหภูมิปากปล่องระหว่าง 80-150 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ผลผลิตจะมีคุณภาพดีที่สุด
- ทำการปิดปากปล่องควันด้านบนโดยใช้ขวดพลาสติกบรรจุน้ำเปล่าปิดรูไว้ทั้ง 2 ปล่อง ควันที่ร้อนภายในเมื่อกระทบความเย็นจะเริ่มควบแน่นประมาณ 10 นาที จากนั่นกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำไหลออกมาทางด้านล่างของปล่องควันจะได้น้ำส้มควันไม้สมุนไพรบริสุทธิ์ โดยใช้เวลาเผาไหม้ทั้งหมด 24 ชั่วโมง
- ปริมาณของวัตถุดิบสามารถผลิตน้ำส้มควันไม้ได้ 15 ลิตร ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาเฉพาะน้ำส้มควันไม้เก็บไว้ใช้งานต่อไปได้ หรือทิ้งไว้ให้ตกตะกอน
ข้อควรระวังในการใช้
- ก่อนนำไปใช้ต้องทิ้งไว้จากการกักเก็บก่อนอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้สารบางอย่างมีการตกตะกอนและเจือจาง
- เนื่องจากน้ำส้มควันไม้มีความเป็นกรดไม่ถึงกับสูงมาก แต่หากถูกสัมผัสโดนส่วนของร่างกายในบริเวณที่บอบบางอาจทำอันตรายได้ ควรระวังอย่าให้เข้าตา เพราะอาจทำให้ตาบอดได้
- น้ำส้มควันไม้ไม่ใช่ปุ๋ย แต่เป็นตัวเร่งปฎิกิริยาให้สารเคมีที่ถูกผสมเข้าด้วยกันมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ดังนั้นการนำไปใช้ทางการเกษตรจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับพืชแต่ไม่สามารถใช้แทนปุ๋ยได้นั่นเอง
- การใช้เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแมลงในดิน ควรทำก่อนเพาะปลูกอย่างน้อย 10 วัน สำหรับฆ่าตัวอ่อนและทิ้งไว้เพื่อให้เจือจาง
- การนำไปใช้ต้องผสมน้ำให้เจือจางตามความเหมาะสมที่จะนำไปใช้โดยอัตราส่วนต่างๆ
- การฉีดพ่นผักผลไม้เพื่อให้ดอกติดผล ควรพ่นก่อนที่ดอกจะบาน หากฉีดพ่นหลังจากดอกบานแมลงจะไม่เข้ามาผสมเกสร เพราะกลิ่นฉุนของน้ำส้มควันไม้และดอกจะถูกกัดกร่อนทำลายเป็นผลให้เกิดการร่วงง่าย