ต้นแก้วมังกร ที่หลายคนรู้จัก จะมีอยู่ 3 สายพันธุ์คือ เนื้อขาวเปลือกแดง, เนื้อขาวเปลือกเหลือง และพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง
เป็นพืชทนแล้ง ที่หาอาหารได้เก่ง สามารถเติบโตได้ในทุกสภาพพื้นดิน มีรากใต้ดิน และรากอากาศ บางสายพันธุ์สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องมีดิน แต่ต้นและราก ไต่ไปตามกำแพงปูน หรือรั้วกำแพง หรือตามต้นไม้สูง ๆ สามารถโตได้ไม่จำกัด ชอบแสงแดด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และการปักชำ
ต้นแก้วมังกร มีผล 3 สี
ตามปกติเรารู้จัก ต้นแก้วมังกร ที่เป็นพืชตระกูล ตะบองเพชร (Cactus) มีผลสุกสีชมพู หรือแดง มีเนื้อในสีขาว และเมล็ดเล็ก ๆ สีดำแทรกอยู่ตามเนื้อเห็นได้ชัดเจน แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีตระบองเพชรที่มีลักษณะนี้อยู่อีกมากมาย แต่ที่มีผลใหญ่ที่รู้จักกันดีก็คือ แก้วมังกร นี่แหละ และมีสายพันธุ์ถึง 3 ชนิดสี จำแนกได้จากสีผลและเนื้อผล
- พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง ผลสุกจะให้รสชาติ หวานอมเปรี้ยว
- พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง ผลสุกให้รสชาติ หวานจืด
- พันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง ผลสุกให้รสชาติ หวานฉ่ำ มีความหวานมากกว่าพันธุ์อื่น
การผสมพันธุ์ของดอก ส่วนใหญ่จะผสมกันเองภายในดอก เนื่องจากมีทั้งเกษรตัวผู้ และเกษรตัวเมีย แต่ก็มีบ้าง ที่จะผสมข้ามสายพันธุ์ ผลผลิตที่ได้ จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไป หากต้นแก้วมังกร ที่เติบโตจากเมล็ด จะให้ผลผลิตที่มีขนาดเล็ก บางครั้งก็จะฝ่อและรับประทานไม่ได้ เนื้อในจะน้อย และไม่ให้ผลผลิตในบางปี
เกษตรกรจึงใช้วิธีการเสียบยอด โดยใช้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรง หาอาหารเก่ง เป็นต้นต่อ แล้วใช้ท่อนพันธุ์ดี ให้ผลผลิตสูง รสชาติอร่อย มาเสียบแทน วิธีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการกลายพันธุ์ และสามารถทำให้ต้นแก้วมังกรเติบโตได้ดี และเร็วกว่า อีกทั้งยังได้พันธุ์แท้ ไม่เสี่ยงการกลายพันธุ์
การเพิ่มผลผลิตแก้วมังกร
ทำได้โดยการใช้ จุลินทรีย์ EM มาผสมกับ กากน้ำตาล และน้ำ รดโคนเป็นระยะ สัปดาห์ละครั้ง หรือการใช้ หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง รดโคนต้น 2-3 วันต่อครั้ง เพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้กับดิน
เมื่อต้นแก้วมังกรแตกกิ่งออกมา ให้ตัดทิ้งเหลือเฉพาะต้นหลัก และปล่อยให้สูงพอที่จะขึ้นค้าง หรือแตกแขนงกิ่งตามต้องการได้แล้ว ค่อยปล่อยให้แตกกิ่งก้านสาขา และให้ผลผลิตต่อไป ทั้งนี้ ก็เพราะความสมดุล และง่ายต่อการเก็บผลผลิต
ต้นแก้วมังกร สามารถเติบโตได้ไม่จำกัด ตัดท่อนพันธุ์ทิ้ง เมื่อมีความชื้นเพียงพอ ก็สามารถแตกกิ่งแตกยอดใหม่ได้ไม่รู้จบ สิ่งจำเป็นของต้นแก้วมังกรคือ แสง ไม่ชอบน้ำมาก สามารถเติบโตได้ทั้งในสภาพที่มีดิน และไม่มีดิน หรือมี แต่น้อย
โรคและแมลงของต้นแก้วมังกร
ส่วนใหญ่จะเจอกับ โรคโคนเน่า สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้เพราะลำต้น หรือโคนได้น้ำในปริมาณที่มากเกินไป ลำต้นจะสลัดผิวหนามทิ้ง จนเหลือแต่แกนกลาง สามารถเติบโตไปได้อีก หากน้ำลด แต่หากมีความชื้นมาก จนเน่าถึงแกนกลาง ก็ไม่สามารถฟื้นมาได้ จำเป็นต้องตัดทิ้ง และปลูกใหม่
แมลงศัตรูตัวฉกาจ ของต้นแก้วมังกร คือ มดคันไฟ มักจะมีพฤติกรรมกัดยอดอ่อน จนยอดไม่สามารถเติบโตได้ ควรกำจัดมดโดยใช้สมุนไพร หรือเคมี ในบางครั้งหากมีจำนวนมาก และควรทำพุ่ม ค้าง หรือนั่งร้าน ให้กับต้นแก้วมังกร ยึดเกาะ เพื่อสะดวกในการเก็บผลผลิต
อ้างอิงจาก :
