ผักปลัง ก้านเขียวเรียกปลังขาว ก้านแดงเรียกปลังแดง เรียกกันถูกไหม
ความเชื่อพื้นบ้าน และการรู้จัก ผักปลัง (ผักปั๋งในภาษาเหนือ) ในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากทางเหนือ ชาวเหนือนั้น จะเชื่อว่า ผู้ที่มีคาถาอาคม เขาจะไม่รับประทาน เนื่องจากเชื่อว่า ผักชนิดนี้จะทำให้คาถาอาคมเสื่อม
สาเหตุของความเชื่อนี้ ก็เพราะว่า ผักปลัง มีสรรพคุณช่วยให้สตรีคลอดบุตรได้ง่าย หากนำมาอาหาร แกงผักปั๋ง ทุกวันเดือนดับ และเดือนเต็ม จะทำให้แม่มาน คลอดลูกง่ายขึ้น ทำให้ลื่นไหลเหมือนกับผักปั๋ง
บางครั้งก็นำมาทำเป็น บ่วงเครือผักปั๋ง พันเกี้ยวกันไปมาเป็นห่วง ให้หญิงมีครรภ์ลอดผ่าน และแช่น้ำอาบในวันเดือนดับ หรือเดือนเต็ม จะทำให้คลอดง่ายไม่มีติดขัด การที่ให้ทำเช่นนี้ ก็เป็นเพราะต้องการให้กำลังใจแก่หญิงตั้งครรภ์ ช่วยทำให้สบายใจ ไม่กังวลกลัวเจ็บในเวลาที่จะคลอดบุตร บางครั้ง ชาวเหนือเองก็ยังใช้ผักปั๋ง ในพิธีสะเดาะเคราะห์ เพื่อป้องกันผีตายโหง และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่จากไปแล้ว
ผักปลัง มีสรรพคุณอย่างไร
สรรพคุณอย่างเป็นทางการ ซึ่ง ประโยชน์ทางยา ถือเป็นสมุนไพร ที่ควรมีไว้ติดบ้าน ช่วยรักษาโรคหลายชนิด
ต้น ใบ ดอก ราก ผลของผักปลังใช้เป็นยาได้ ต้นแก้ขัดเบา แก้ท้องผูก ลดไข้ ใบแก้อักเสบ กลาก ผื่นคัน ฝีและขับปัสสาวะ ดอกแก้เกลื้อน รากแก้มือเท้าด่าง แก้รังแค แก้พิษพรรดึก ใช้ทาถูนวดให้ร้อนเพราะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น ผลสีม่วงใช้แต่งสีอาหาร
ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อน ของผักปลัง รสเย็น จืด รับประทานเป็นผักได้โดยนำไปต้ม ลวก หรือนึ่งให้สุก ใช้แกล้มกับน้ำพริก หรือนำไปแกงแค แกงส้ม แกงปลา ผักกับแหนม หรือใส่แกงอ่อมหอยก็ได้ นอกจากนี้ ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน ใช้เป็นยาระบายอย่างอ่อน
- แก้อาการปัสสาวะขัด ใช้ใบสด 60 กรัม ต้มกับน้ำดื่มแบบชาต่อหนึ่งครั้ง
- แก้อาการท้องผูก นำใบสด หรือยอดอ่อน มาต้มกินเป็นอาหาร
- รักษาไส้ติ่งอักเสบ ใช้ต้มสด 60-120 กรัม ต้มกับน้ำดื่ม
- แก้ฝี หรือแผลสด ใช้ใบสดดำพอกตรงบริเวณที่เป็น หรือขยี้ทาก็ได้
- แก้อาการอึดอัดแน่นท้อง ใช้ต้นสน 60 กรัม เคี่ยวกับน้ำให้ข้นแล้วดื่ม
- รักษาฝีเนื้อร้าย นำใบสดมาตำแล้วพอกบริเวณนั้น เปลี่ยนวันละ 1-2 ครั้ง
ผักปลัง การปลูกและขยายพันธุ์
ผักปลังเป็นพืชเขตร้อนแถบทวีปเอเซีย และแอฟริกา ผักปั๋งในเมืองไทยมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ ผักปลังขาว กับ ผักปลังแดง ชาวเหนือและชาวอีสานนิยมปลูกในบริเวณบ้าน ตามริมรั้วนับเป็นพรรณไม้ที่ปลูกง่าย ชอบดินชื้นแฉะ ขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ การเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่งแก่ มักเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน ผักปลังเป็นไม้เลื้อยที่มีเถายาวหลายเมตร ลำต้นอวบน้ำ ไม่มีขน แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก
- ลำต้น ลำต้นมีสีเขียวหรือสีม่วงแดง หากมีสีเขียว เรียกว่า ผักปลังขาว สีม่วงแดงเรียกว่า ผักปลังแดง แผ่นใบอวบน้ำ มีรูปร่างคล้ายรูปไข่ป้อม หรือรูปหัวใจ หรือกลม ใบกว้าง 2-6 ซม. ยาว 2.5-7 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นมันเกลี้ยง เมื่อขยี้ดูจะเป็นเมือกเหนียว
- ดอก ดอกออกเป็นช่อตามง่ามใบ หากเป็นผักปลังขาว ดอกจะเป็นสีขาว ผักปลังแดง ดอกจะมีสีขาวอมชมพู ช่อดอกยาว 2-8 นิ้ว ไม่มีก้านดอก กลีบดอกมีฐานติดกัน ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ
- ผล ผลมีรูปร่างกลม ฉ่ำน้ำ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ผลแก่สีม่วงอมดำ เนื้อนิ่ม ภายในผลมีน้ำสีม่วงหรือดำ
ผักปลังขึ้นได้เองตามที่ชุ่มชื้นทั่วไป ออกดอกเกือบตลอดปี ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดปลูกตามริมรั้ว หรือสร้างค้างให้เลื้อย
ที่มา https://www.kasetorganics.org/plung.html